วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฎีกาที่ 3942/2553 การสำคัญผิดในคุณสมบัติ

ฎีกาที่ 3942/2553 การสำคัญผิดในคุณสมบัติ

ในการตกลงซื้อห้องชุดทั้ง 8 ห้องของโจทก์จากจำเลยนั้น โจทก์มีความประสงค์จะได้ห้องที่อยู่ชั้นบนสุด การที่จำเลยขออนุญาตดัดแปลงอาคารชุดจากที่มีเพียง 27 ชั้น เป็น 30 ชั้น ในภายหลังจากที่โจทก์ทำสัญญาซื้อขายกับจำเลยแล้ว โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ และต่อมาโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดดังกล่าวจากจำเลยโดยเข้าใจว่าห้องที่รับโอนมาอยู่ชั้นสูงสุดตามความประสงค์ของโจทก์ที่ทำสัญญาซื้อขายกับจำเลยมาแต่แรก นิติกรรมการโอนห้องชุดดังกล่าวระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์สินซึ่งถือว่าเป็นสาระสำคัญหากโจทก์ทราบว่าห้องชุดที่รับโอนกรรมสิทธิ์มามิใช่ชั้นสูงสุดตามความประสงค์โจทก์คงจะไม่ยอมรับโอน ดังนั้นนิติกรรมการโอนห้องชุดระหว่างโจทก์และจำเลยจึงตกเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ.มาตรา 157 โจทก์มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมการโอนได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 176

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การครอบครองปรปักษ์ที่ดินกรรมสิทธิ์ของคนอื่น จะครบ 10 ปี แล้วแต่เจ้าของขายที่ดินเสียก่อน อย่างนี้นับระยะเวลาต่อกับเจ้าของใหม่ได้หรือไม่

การครอบครองปรปักษ์ที่ดิน

ฎีกาที่ 8700/2550

จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ ช. เมื่อ ช. ขายที่ดินพิพาทและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บิดาโจทก์ทั้งห้าก่อนจำเลยทั้งสองครอบครองครบกำหนดสิบปีจำเลยทั้งสองไม่อาจยกการครอบครองดังกล่าวขึ้นยันบิดาโจทก์ทั้งห้าได้การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยทั้งสองจึงขาดตอนตั้งแต่บิดาโจทก์ทั้งห้าได้รับโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนแล้วจำเลยทั้งสองจะต้องเริ่มนับระยะเวลาครอบครองที่ดินพิพาทใหม่จะนำระยะเวลาที่จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินของ ช. มานับรวมด้วยไม่ได้เมื่อจำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทหลังจากบิดาโจทก์ทั้งห้าได้กรรมสิทธิ์มายังไม่ครบ สิบปี จำเลยทั้งสองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กรณีที่ดินตาบอด (ที่ดินแปลงอื่นล้อมรอบไม่มีทางออก)

คำพิพากษาฎีกาที่ 2454/2536
ที่ดินของโจทก์และที่ดินของจำเลยอยู่ติดกันที่ดินของโจทก์มีที่ดินของจำเลยและที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เมื่อปรากฎว่าหากโจทก์จะออกสู่ทางสาธารณะทางที่ไกล้ที่สุดจะต้องผ่านที่ดินของจำเลยตามที่พิพาทโจทก์จึงมีสิทธิจะใช้ที่พิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านไปสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การโอนที่ดินตีใช้หนี้ ฎีกาที่ 4892/2542









ฎีกาที่ 4892/2542

บ.มารดาโจทก์ได้ยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่จำเลย โดยโจทก์และบุตรอื่นของ บ.รู้เห็นยินยอมด้วย แม้การยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคหนึ่งทำให้การได้มาซึ่งที่ดินพิพาทไม่บริบูรณ์ก็ตาม แต่หาเป็นโมฆะเสียเปล่าไม่ การยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ยังคงใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา รวมทั้งทายาทหรือผู้สืบสิทธิของคู่สัญญาในฐานะเป็นบุคคลสิทธิ ดังนี้ โจทก์ซึ่งรู้เห็นยินยอมด้วยในการยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ให้แก่จำเลยและเป็นผู้สืบสิทธิมาจาก บ. จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน พิพาท





















วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มาตรา 289(4) (ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2556

การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หมายความว่า ก่อนทำการฆ่าผู้กระทำความผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงไปกระทำความผิด ไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วน และการจะเป็นตัวการร่วมกันฐานฆ่าผู้อื่นไตร่ตรองไว้ก่อน จะต้องมีลักษณะเป็นการวางแผนคบคิดกันมาแต่ต้นที่จะฆ่าผู้อื่น ดังนั้น พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองตามไปรุมตีโจทก์ร่วมที่ร้านของ ช.เป็นเพราะความโกรธแค้นที่โจทก์ร่วมมีเรื่องกระทบกระทั่งกับจำเลยที่ ๑ ในวัด ม. ซึ่งเป็นเวลาก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมงโดยจำเลยทั้งสองได้คบคิดตกลงกันตั้งแต่อยู่ที่บ้านของตนว่าจะออกไปติดตามทำร้ายโจทก์ร่วมเพื่อเป็นการแก้แค้น ทั้งได้มีการตระเตรียมไม้คนละท่อนจากบ้านติดตัวมาเป็นอาวุธใช้ตีทำร้ายโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยทั้งสองชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันคบคิดไตร่ตรองทบทวนล่วงหน้าก่อนจะกระทำผิดแล้ว หาใช่เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน และมิได้มีการตระเตรียมวางแผนไว้ล่วงหน้าดังที่จำเลยทั้งสองฎีกา จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4607/2562

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4607/2562 แม้ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 12 จะให้สิทธิผู้เช่าซื้อในการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเสียเมื่อใดก็ได้ โดยผู้เช่าซื้อจะต้...